ชื่อสถานศึกษา
โรงเรียนชูวิชาราษฎร์ ตั้งอยู่บนถนน
เจดีย์ยุทธหัตถี - สามเงา
ตำบลเกาะตะเภา อำเภอ บ้านตาก
จังหวัดตาก รหัสไปรษณีย์ ๖๓๑๒๐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก
เขต ๑ โทรศัพท์ ๐๕๕-๕๕๐๑๙๗ โทรสาร ๐๕๕-๕๕๐๑๙๗
e-mail:
Orachorn _Pr@hotmail.com website www.chuvichara.takesa๑.go.th เปิดสอนตั้งแต่ระดับ อนุบาล ๑
ถึงระดับ ประถมศึกษาปีที่ ๖
มีเขตพื้นที่บริการ
๓ หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ ๔,๕,๖
ตำบลเกาะตะเภา
ประวัติย่อของโรงเรียนชูวิชาราษฎร์
โรงเรียนชูวิชาราษฎร์ เดิมชื่อโรงเรียนวัดวังหม้อ ตั้งอยู่ในวัดวังหม้อ หมู่ที่ ๔
ตำบลเกาะตะเภา อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก
ก่อตั้งโดยพระครูบุญชู สุนันทะ (พระครูศรีรัตโนภาส) อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านตาก
เจ้าอาวาสวัดวังหม้อร่วมกับนายแก้ว มาเกิด
กำนันตำบลเกาะตะเภาและราษฎร ได้ทำการเปิดสอนเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม
๒๔๕๗ อาศัยศาลาวัดเป็นที่เล่าเรียน มีครูทำการสอน
๑ คน
คือนายลือ มาเกิด มีนักเรียน
๓๖ คน โรงเรียนแห่งนี้ได้มีการพัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ ดังนี้
พ.ศ. ๒๔๗๕
นายโต๊ะ ปรียารัตน์
พร้อมด้วยคณะครู
พระครูบุญชู สนันทะ
และราษฎรได้ทำการฉลองอาคารเรียนและเปิดป้ายชื่อโรงเรียนใหม่ว่า “ โรงเรียนประชาบาลตำบลเกาะตะเภา ๑” (ชูวิชาราษฎร์) โดยมีนายตัง เราเจริญ นายอำเภอบ้านตากมาเป็นประธานในพิธี พ.ศ. ๒๔๘๑ นายโต๊ะ
ปรียารัตน์
ได้ขอความร่วมมือจากพระครูบุญชู
สุนันทะ สร้างอาคารเรียน อีกหนึ่งหลัง ขนาด ๘ x ๑๐
เมตร มุ่งกระเบื้องดินเผา เพราะห้องเรียนไม่พอกับจำนวนนักเรียน
พ.ศ. ๒๔๙๗ นายคำรณ
มูลวงษ์ ครูใหญ่และคณะครู นายนิล
ริดจันทร์
กำนันตำบลเกาะตะเภาเห็นสภาพอาคารเรียนเก่าทรุดโทรมมาก
จึงได้ร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและราษฎร
ช่วยกันสละทรัพย์และแรงงานวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างอาคารเรียน เป็นเงิน ๑๕,๘๗๕.๗๕ บาท
พ.ศ. ๒๔๙๙
นายคำรณ
มูลวงษ์ ครูใหญ่และคณะครู กำนัน
ผู้ใหญ่บ้านและราษฎร ได้รื้ออาคารเรียนทั้ง ๒ หลัง เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างอาคารใหม่
ขณะนั้นต้องให้นักเรียนต้องไปเรียนที่ศาลาวัดอีกครั้งหนึ่ง ในปีที่ทำการปลูกสร้าง
ทางราชการได้ให้งบประมาณสมทบเป็นเงิน ๒๒,๑๐๐ บาท
โดยให้นายตุ่น วีวงษ์
เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ป.๑ ข ขนาด ๘x๓๒ เมตร จำนวน ๔ ห้องเรียน
ในการก่อสร้างอาคารเรียนครั้งนี้ทางราชการ
ทางราชการได้มีคำสั่งให้
นายปรีชา มั่งเชียง
ครูใหญ่โรงเรียนบ้านดงยางมาช่วยราชการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารเรียนในครั้งนี้ด้วย รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๓๗,๙๗๖.๗๕ บาท
พ.ศ. ๒๕๑๔ ทางราชการได้แต่งตั้งให้ นายปรีชา มั่งเชียง
ครูใหญ่โรงเรียนบ้านแม่พะยวบย้ายมาดำรงตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนแห่งนี้
มีข้าราชการครู จำนวน ๓ คน มีนักเรียน ๑๐๙
คน ได้รับงบประมาณจากทางราชการเป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท
มาก่อสร้างอาคารเรียนอีก ๑ หลัง อาคารเรียนแบบ ป. ๑ ฉ.
ขนาด ๘.๕๐ x ๓๖ เมตร
จำนวน ๔ ห้องเรียน อาคารเรียนใหม่นี้ไม่ได้สร้างในที่แห่งเดิม เพราะมีเนื้อที่คับแคบ มีเพียง ๓ งาน
จึงได้มีการปลูกสร้างในที่แห่งใหม่
ซึ่งเป็นเนื้อที่ของวัดร้าง
ตั้งอยู่ในหมู่ที่ ๕ ตำบลเกาะตะเภา
โดยความเห็นชอบของนายปรีชา
มั่งเชียง ครูใหญ่
ได้ออกสำรวจเห็นว่าเป็นเนื้อที่กว้างขวางเหมาะที่จะสร้างอาคารเรียนได้และเป็นที่วัดร้าง จึงได้เสนอเรื่องไปยังอำเภอ นายทิพย์
โพธิสุวรรณ นายอำเภอบ้านตากสมัยนั้นเห็นชอบด้วย
จึงได้อนุญาตให้ก่อสร้างอาคารเรียนในสถานที่ดังกล่าวได้ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว
จึงได้ย้ายนักเรียนมาเรียนในสถานที่ก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ เมื่อ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕
พ.ศ. ๒๕๑๗ นายปรีชา
มั่งเชียง ได้ร่วมกับนายอำนวย น้อยเชื้อเวียง
นายอำเภอบ้านตากได้ของบประมาณจาก (น.พ.ค.) ก.ร.ป.
กลาง เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท มาทำการรื้อถอนอาคารเรียนหลังเดิมมาปลูกสร้างในสถานที่แห่งใหม่
ดัดรูปทรงเป็นอาคารทรงไทย ขนาด ๘ x ๒๕ เมตร จำนวน ๓
ห้องเรียน และในปีเดียวกันได้รับงบประมาณมาก่อสร้างบ้านพักครู จำนวน ๑ หลัง
เป็นเงิน ๔๙,๖๐๐ บาท
พ.ศ. ๒๕๑๘
ได้รับงบประมาณมาต่อเติมอาคารเรียน แบบ ป.๑ ฉ อีกจำนวน ๒ ห้องเรียน ได้รับงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๔,๐๐๐ บาท
และในปีเดียวกันได้ขอเปิดสอนระดับประถมปลาย ชั้น ป. ๕ ทางราชการได้อนุญาตให้เปิดทำการสอนได้
ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๑๘ เป็นต้นมา
คำขวัญของโรงเรียน
การเรียนดี กีฬาเด่น
เน้นวินัย ใฝ่คุณธรรม
วัตถุประสงค์ของโรงเรียน
(๑)
ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุตามข้อกำหนดของหลักสูตรและสอดคล้องกับความต้องการของสังคมและท้องถิ่น โดยการใช้แผนการสอน จัดกิจกรรการเรียนการสอน และการประเมินผล ตามสภาพแท้จริง
(๒) พัฒนาการเรียนการสอน ให้สามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรอบด้าน
โดยจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
สนองความแตกต่างในความสามารถ
ความถนัดและความสนใจทางการเรียนของผู้เรียนแต่ละคน ส่งเสริมการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
และการให้ประสบการณ์การเรียนที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ใช้สื่อการเรียนการสอนและเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยการเรียนรู้และพัฒนาของผู้เรียนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงตามสภาพสังคม
(๓) พัฒนาโรงเรียนให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
โดยการจัดบรรยากาศภายนอกและภายในอาคารเรียนและบริเวณโรงเรียนให้ร่มรื่น สะอาด
สวยงาม เอื้อต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต
ต่อการใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนรู้และเกิดความปลอดภัย
(๔) ส่งเสริม
สนับสนุน
บุคลากรของโรงเรียนให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความก้าวหน้าในอาชีพ โดยพัฒนาให้มีจิตสำนึก อุดมการณ์
และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการปฏิบัติงาน
เป็นผู้ใฝ่รู้
สามารถพัฒนาตนเอง และวิชาชีพ ให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของสังคม เสียสละ
อุทิศตนในการปฏิบัติงาน
มีขวัญ กำลังใจ
(๕)
พัฒนาระบบการบริหารโรงเรียนสู่ความเป็นมาตรฐาน
โดยใช้กระบวนการบริหารและเทคนิคการบริหารที่ทันสมัย มีการใช้แผนเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารงานมีการกำกับ ติดตาม
และนิเทศอย่างเป็นระบบ
(๖) เสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารสำนักงาน โดยการจัดระบบข้อมูลสารสนเทศ งานสารบรรณงานการเงินและพัสดุ การจัดทำเอกสาร และการใช้เทคโนโลยี เพื่อการติดต่อสื่อสาร
(๗) จัดให้มีการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
โดยใช้วิธีการประชาสัมพันธ์ที่หลากหลาย
ทั้งโดยเอกสาร การประชุม
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมกับชุมชน
การประชาสัมพันธ์
โดยใช้นักเรียนเป็นสื่อจากผลคุณภาพการเรียนการสอนและกิจกรรมต่างๆ ของงานกิจกรรมนักเรียน |